วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2554

ประวัติ Dan Brown สุดยอดนักเขียน



      แดน บราวน์ เกิดเมื่อ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2507 เติบโตมาในเมืองเอ็กซีเตอร์ รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ประเทศ สหรัฐอเมริกา เป็นลูกคนโตในพี่น้อง 3 คน แม่เป็นนักดนตรีอาชีพ เล่นดนตรีในโบสถ์ พ่อของเขา Richard G. Brown เป็นครูสอนคณิตศาสตร์โรงเรียนมัธยมที่ Phillips Exeter Academy


      เนื่องจาก Phillips Exeter Academy ต้องการให้อาจารย์ใหม่ที่มาสอนต้องอาศัยในตัวโรงเรียนด้วย ครอบครัวของเขาจึงต้องอาศัยที่ Phillips Exeter Academy นั่นเอง และเขาเองก็ศึกษาชั้นมัธยมที่นี่ด้วย

แดน บราวน์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Amherst College and Phillips Exeter Academy เอกสาขาภาษาสเปนและ อังกฤษ ในปี พ.ศ. 2529 หลังจากจบการศึกษา เขาผันตัวมาเป็นนักดนตรีสมัครเล่น ทำอัลบั้มเพลงสำหรับเด็กขายได้ไม่กี่ร้อยแผ่น ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 เขาก็ย้ายไปลอสแองเจอลิส เข้าทำงานกับวิทยาลัยประพันธ์เพลงแห่งชาติ ได้พบกับ บลิธ นิวลอน (Blythe Newlon) รุ่นพี่ผู้หญิงที่แก่กว่าเขา 12 ปี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการแผนกพัฒนาศิลปินของวิทยาลัย แม้งานในหน้าที่จะไม่เกี่ยวข้องกันโดยตรงแต่นิวลอนก็ช่วยโปรโมตงานต่างๆ ของบราวน์ จนพัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นความรักแม้คนรอบตัวจะไม่รู้

      ปี พ.ศ. 2536 บราวน์ย้ายกลับมานิวแฮมป์เชียร์พร้อมนิวลอน ที่บ้านเกิดที่นิวแฮมป์เชียร์ บราวน์เป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ โรงเรียนเก่าที่เคยร่ำเรียนและสอนภาษาสเปนให้นักเรียนเกรด 6-8 ที่โรงเรียนเล็กๆ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 เกิดจุดเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เขากลายมาเป็นนักเขียน เมือเขาไปพักผ่อนที่ตาอิติและได้อ่านนิยายเรื่องแผนโลกาวินาศ(The Doomsday Conspiracy)" ผลงานของ ซิดนีย์ เชลดอน (Sidney Sheldon) และเขาคิดว่าเขาสามารถเขียนเรื่องได้ดีกว่า นั่นเป็นจุดกำเนิดให้เขาลงมือเขียนนิยายเรื่องแรกของเขา ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress) และในปีเดียวกันนั้นเอง บราวน์ได้ออกซีดีเพลงในชื่อ "Angels & Demons" ซึ่งภาพหน้าปกอัลบั้มเป็นภาพแอมบิแกรม ฝีมือศิลปินนาม จอห์น แลงดอน (John Langdon) ที่ภายหลังชื่ออัลบั้มกลายเป็นชื่อนิยายเล่มที่สองของเขา เทวากับซาตาน (Angels & Demons) และได้นำเอาชื่อศิลปินที่วาดภาพปกอัลบั้มมาเป็นชื่อตัวละครเอกของเรื่อง

      จนกระทั่งปี พ.ศ. 2539 บราวน์เลิกสอนและกลายมาเป็นนักเขียนอาชีพเต็มตัว บราวน์และนิวลอนเข้าพิธีแต่งงานในปี พ.ศ. 2540 จวบจนกระทั่งปีต่อมา พ.ศ. 2541 ผลงานนิยายเล่มแรกของเขา ล่ารหัสมรณะ(Digital Fortress) ก็เสร็จสมบูรณ์และได้ตีพิมพ์จำหน่าย และบราวน์ก็ออกผลงานมาอีก 2 เรื่องคือ เทวากับซาตาน (Angels & Demons) ในปี พ.ศ. 2543 และเรื่อง แผนลวงสะท้านโลก (Deception Point) ในปี พ.ศ. 2544

      ผลงาน 3 เรื่องแรก คือ ล่ารหัสมรณะ (Digital Fortress) , เทวากับซาตาน (Angels & Demons) และ แผนลวงสะท้านโลก (Deception Point) ขายได้น้อยกว่าหมื่นเล่มในฉบับพิมพ์ครั้งแรก จนกระทั่งเรื่อง รหัสลับดาวินชี (The Da Vinci Code) ที่ออกมาในปี พ.ศ. 2546 ทำให้ชีวิตนักเขียนรายนี้เปลี่ยนไป รหัสลับดาวินชีกลาย เป็นหนังสือติดอันดับหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทมส์ตั้งแต่อาทิตย์แรกที่วาง จำหน่าย และเป็นหนึ่งในหนังสือขายดีตลอดกาล ด้วยยอดขาย 60.5 ล้านเล่มทั่วโลกในปีนี้ และถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์

      และผลจากความโด่งดังของรหัสลับดาวินชี ส่งผลให้ผลงาน 3 เรื่องแรกของบราวน์กลับมามียอดจำหน่ายสูงอีกครั้ง และผลงานเรื่องเทวากับซาตาน ก็กำลังกลายเป็นภาพยนตร์ตาม มา มีกำหนดฉายในปี พ.ศ. 2552 และตอนนี้บราวน์ได้เขียนนิยายเรื่องใหม่ชื่อ The Lost Symbol กำหนดวางจำหน่ายในเดือนกันยายนปีเดียวกัน

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%99_%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%8C